เคยไหม ที่ตั้งใจสร้างนิสัยหรือเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ แต่สักพักก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
อะไรคืออุปสรรคสำคัญภายในตัวคุณ?
มาติดตามขั้นตอนและตัวอย่างเคสที่ต้องการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน
###
กระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่
1.ระบุพฤติกรรมเดิมที่ต้องการปรับเปลี่ยน
2.หาตัวจุดชนวน
3.กระตุ้นให้เกิดจุดตัดสินใจ
4.กำหนดกรอบของการตอบสนองใหม่ที่ต้องการ
5.เสริมแรงจูงใจ
6.ฝึกฝน
7.ฉลองความสำเร็จ
###
1.ระบุพฤติกรรมเดิมที่ต้องการปรับเปลี่ยน
เริ่มจากเรื่องเล็กๆง่ายๆก่อนก็จะดีหรือถ้าอยากยกระดับก็หาคนมาช่วยคอมเมนท์ในสิ่งที่ไม่รู้ตัว หรือเข้าเวิร์คช็อปที่สามารถช่วยคุณค้นหา พฤติกรรมที่เกิดขึ้นจากจิตใต้สำนึก เช่น จุดบอด
โพสต์นี้ขอยกโจทย์ "ชอบโม้" เป็นตัวอย่าง ซึ่งเป็นแบบแผนทางพฤติกรรม (pattern of behavior) ที่เกิดขึ้นซ้ำ สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
สำหรับคนที่มี pattern ชอบโม้เหมือนเคสนี้ โพสต์นี้เป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นให้เข้าใจกระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเท่านั้น เพราะแต่ละเคสมีความแตกต่างกัน
ส่วนคนที่มีโจทย์อื่นๆในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างของตัวเอง โพสต์นี้อาจเป็นแนวทางในการนำไปปรับใช้ได้
###
2.หาตัวจุดชนวน
สิ่งเร้าที่กระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมบางอย่าง
ตัวจุดชนวนมักเกิดจาก >> พฤติกรรมหรือคำพูดของใครบางคน/ช่วงเวลา/สถานที่/เหตุการณ์/วิธีคิดหรือความรู้สึกของตัวเอง)
การเดินทางสำรวจภายในจิตใจ เราจะใช้คำถามเพื่อเดินทางเข้าไปทีละชั้น อย่างนุ่มนวล
ถาม: อะไรที่มักกระตุ้นให้คุณโม้ได้? >> (หาตัวจุดชนวน)
ตอบ: เวลาที่อยากให้ใครบางคนเชื่อถือในตัวเรา เห็นความสามารถ เห็นผลงาน / รู้สึกว่าคนๆนั้นเหนือกว่า
###
3.กระตุ้นให้เกิดจุดตัดสินใจ
จุดตัดสินใจ เกิดขึ้นจากการเข้าไปเชื่อมโยงกับบางความรู้สึก เช่น
~ ความรู้สึก pain ที่เกิดขึ้นจากการรับรู้ความจริงบางอย่างที่ไม่เคยรู้ เมื่อรับรู้ได้ถึงสิ่งที่ไม่เคยรู้ ก็จะเข้าสู่กระบวนการของการยอมรับและเข้าใจ ก็จะลดแรงต้าน พร้อมเปิดประตูสู่การปรับเปลี่ยน
หรือ
~ รู้สึกถึงแรงปรารถนาลึกๆในใจ ใจพองโต เข้าถึงความต้องการที่แท้จริง เลิกผูกมัดตัวเองกับวิธีการเดิมๆที่เคยเรียนรู้มา
ถาม: รู้สึกอย่างไรเวลาที่บอกตัวเองว่า “อยากให้ใครบางคนเชื่อถือในตัวเรา เห็นความสามารถ เห็นผลงาน”?
ตอบ: รู้สึกว่าตัวเองยังทำอะไรได้ไม่ดี (บางคนอาจบอกความรู้สึกของตัวเองยังไม่ค่อยได้ในช่วงแรก)
ถาม: งั้นการที่รู้สึกว่าตัวเองยังทำอะไรได้ไม่ดี เวลาคิดแบบนี้ ในใจรู้สึกอะไร?
ตอบ: รู้สึกผิดหวังและรู้สึกผิด
สร้างการเปลี่ยนแปลงผ่านการเชื่อมโยงกับบางความรู้สึกลึกๆในใจ
ถาม: งั้นลองอยู่กับความรู้สึกผิดหวังและรู้สึกผิดสักครู่ได้ไหม
ตอบ: ได้ครับ
ถาม: ขณะที่จดจ่ออยู่กับความรู้สึกผิดหวังและรู้สึกผิด ลองสังเกตดูนะ ว่าร่างกายมีการตอบสนองอย่างไร?
ตอบ: หัวร้อน ใจเต้นแรง น้ำตาซึม
ถาม: ลองเดาได้ไหม ว่าตอนนี้ร่างกายอยากบอกอะไร?
ตอบ: ไม่รู้เหมือนกัน
สะท้อนบอก: ไม่เป็นไรหรอก ที่เผลอโม้ออกมาบ้าง บางทีอาจมีความจำเป็นบางอย่างเคยเกิดขึ้น ตัวเราถึงเรียนรู้วิธีนี้มา เพื่อให้ใจเราได้รับอะไรบ้างอย่าง
มันโอเคนะที่จะโม้บ้าง เพราะลึกๆในใจตัวเราเองก็อยากให้ใครบางคนรับรู้และบอกว่าภูมิใจในตัวเราที่อดทนและฝ่าฝันอุปสรรคยากๆในชีวิตมาได้
ในตอนนี้ อยากให้ลองรับรู้ว่า “ความรู้สึกภูมิใจในตัวเองไม่ได้เป็นสิ่งผิด”
ในเคสที่เล่าพบว่า
ตัวเราแค่ยอมรับ และเปิดใจทำความเข้าใจถึงแรงผลักดัน
ความไม่มั่นใจ ไม่มั่นคงในความสำเร็จของชีวิตตัวเอง คิดว่าตัวเองไม่เก่ง เพราะตั้งแต่เด็กไม่เคยมีใครมาบอกว่าจุดไหนที่เรียกว่า “ความสำเร็จ” คือ ที่มาของแรงผลักดันให้เกิดการโม้ในบางสถานการณ์
บางทีตัวเราก็แค่ขาดต้นแบบของความภูมิใจในตัวเองให้ได้เรียนรู้มาปรับใช้กับตัวเอง
พอเห็นคนอื่นทำได้ดีกว่า จิตใจก็สั่นคลอนกับความสำเร็จของตัวเอง เกิดการเปรียบเทียบชีวิตของตัวเองกับคนอื่น
###
แต่ละคำตอบ ที่คุณตอบให้ตัวเองได้ยิน จะค่อยๆช่วยเปิดประตูของจิตใจที่ล็อกอยู่ออกทีละบานๆ จนคุณสามารถเข้าถึงความรู้สึกที่ให้ข้อมูลบางอย่างที่คุณไม่เคยรู้
เรียนรู้การหาจุดสมดุลของความขัดแย้งภายในที่เกิดจากการผูกมัดตัวเองกับมุมมองและการรับรู้ในรูปแบบเดิมๆ
รู้จักปรับจูนการฝึกลองมองหลายๆมุม ให้กรอบความคิดเกิดความยืดหยุ่น สามารถไล่เรียงการตีความไปตามข้อเท็จจริง เช่น
ขี้โม้ > โอ้อวด > สร้างภาพ > ให้เครดิตตัวเอง > ผลักดันตัวเอง > เชื่อมั่นในตัวเอง > แบ่งปันประสบการณ์ > ส่งต่อแรงบันดาลใจ
###
บทสนทนาที่เกิดขึ้น ไม่ครบถ้วนนะครับ 😅 ขอสรุปเป็นประเด็นๆให้พอเห็นภาพรวมดังนี้
~อยากให้คนอื่นรู้ถึงความสำเร็จที่ผ่านมา
~อยากเป็นคนสำคัญ
~เมื่อไหร่พ่อแม่จะบอกให้ฉันได้ยินว่า “พ่อแม่ภูมิใจในตัวลูกมากนะ ที่ลูกตั้งใจทำ…….จนประสบความสำเร็จ”
~ถึงแม้ว่าการพูดถึงผลงานของตัวเอง จะทำให้ฉันรู้สึกไม่ดี และกังวลใจว่าคนอื่นจะมองว่าเป็นคนชอบอวด แต่ลองเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียนรู้จากประสบการณ์ใหม่ๆ
###
4.กำหนดกรอบของการตอบสนองใหม่ที่ต้องการ
เป็นการกำหนดความคิด ความรู้สึก พฤติกรรมใหม่ ให้เข้ามาแทนที่วิธีคิด ความรู้สึก พฤติกรรมเดิม
ถาม: งั้นเวลาที่เผลอคิดว่า “ตัวเองยังทำอะไรได้ไม่ดี” อยากให้ตัวเองทำอะไรแตกต่างไปจากการโม้บางมั้ย?
ตอบ: อยากบอกกับตัวเองว่า “ไม่จำเป็นที่ทุกคนต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเราพูดหรอก” และนำเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์กับคนฟัง พูดถึงผลงานของตัวเองตามข้อเท็จจริง
5.เสริมแรงจูงใจ
ด้วยการเชื่อมโยงความรู้สึกใหม่เข้ากับความคิด พฤติกรรมใหม่
ถาม: ลองจินตนาการดูได้ไหม เวลาที่ตอบสนองได้ใหม่ในแบบที่ต้องการได้ ร่างกายเกิดความรู้สึกอะไร?
ตอบ: ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย หายใจง่ายขึ้น
###
6.ฝึกฝน 🏃🏻🏃🏻♂️🏃🏻♀️
ความเข้าอกเข้าใจถึงแรงผลักดันว่าที่ผ่านมา ทำไมถึงโม้ จะช่วยให้ตัวคุณเห็นใจตัวเอง แล้วลงมือทำสิ่งที่สำคัญ ที่ตัวเองต้องการจริงๆ เช่น
~ใช้เวลาอย่างรู้คุณค่า
~ย้ายมาโฟกัสเห็นถึงคุณค่าในสิ่งที่มี สิ่งที่เป็นอยู่
~เกิดความรู้สึกขอบคุณตัวเองและคนรอบตัวที่ช่วยซัพพอร์ต
~แบ่งปันผลงานของคุณด้วยความมั่นใจและเชื่อมั่น
~เมื่อผลงานและความสามารถของคุณอยู่ถูกที่ถูกเวลา ลูกค้าที่กำลังตามหาผลงานของคุณ จะได้หาคุณเจอ
###
เคล็ดลับของการสร้างพฤติกรรมใหม่
~หาบัดดี้ เพื่อนสนิทในการร่วมเดินทางเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
~ ในขั้นตอนที่ 6 ให้มองการฝึกฝนเหมือนการทดลองทางวิทยาศาสตร์ หัดสังเกต ตั้งคำถาม และสนุกกับการฝึกฝน ใส่ใจกับความพยายามมากกว่าคาดหวังให้เกิดผลสำเร็จตั้งแต่แรก จะได้ไม่เป็นการกดดันตัวเอง 😅ค่อยๆปรับจูนไป
###
7.ฉลองความสำเร็จ 🎉🎉🎉
เขียน self-reflection ทบทวนการเดินทางภายในของตัวเอง 🌟
ใช้เวลาและความใส่ใจกับคนที่เห็นถึงคุณค่าในผลงานของคุณ เชื่อมั่นในตัวคุณ
###
เป้าหมายของการเปลี่ยนแปลง คือ การปรับเปลี่ยนจากการโต้ตอบต่อสิ่งเร้าโดยอัตโนมัติ (reaction) เป็นการเลือกตอบสนองได้ตามเจตนา (make a choice) ผ่านการฟื้นคืนสมดุลของพลังความคิด ความรู้สึก และพลังงานในร่างกายที่เคยเสียสมดุล
การปรับเปลี่ยนเหมือนการละทิ้งเครื่องมือบางอย่างที่ตัวเราเคยพึ่งพา แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นอีกต่อไป เมื่อทิ้งสิ่งเดิม ก็จะเปิดพื้นที่ให้กับความรู้สึกและเครื่องมือใหม่ที่ช่วยพัฒนาชีวิต
การเปลี่ยนแปลงบางพฤติกรรมไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องอาศัยการรับรู้สัมผัสความรู้สึกภายในร่างกาย เปิดใจรับฟังฟีดแบค และให้คำมั่นกับตัวเองในการลงมือทำสิ่งที่ต่างไปจากเดิม
ปล. การถามคำถามที่ใช่เป็นเรื่องของจังหวะเวลาที่สัมพันธ์กับปฏิกิริยาทางอารมณ์และร่างกายของคนตรงหน้า
Comments