‘เงามืด’ เป็นเหมือนด้านที่คนเราสัมผัสรู้ได้ยาก หรือถึงรู้…ก็ไม่ได้ใส่ใจ
หรือแม้กระทั่งถูกอัตตาและความเครียดสะสมเข้าครอบงำ
บางครั้งคนเป็นผู้นำก็มองข้ามเงามืดในตัวเอง จากสาเหตุหลายประการ
------
เงามืดของผู้นำนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลต่อความรู้สึกปลอดภัยทางจิตใจในที่ทำงาน
------
ถ้าถามลูกน้องว่า
“คุณรู้สึกปลอดภัยในที่ทำงานหรือไม่ เมื่ออยู่กับหัวหน้า?”
ถ้าคุณเป็นหัวหน้าคน ขอชวนลองนึกถึงคำตอบที่อาจจะได้รับจากลูกน้องในทีมว่าจะได้ยินคำตอบอะไรได้บ้าง
------
แม้ความรู้สึกปลอดภัยจะมองไม่เห็น
ทว่ามันมีอยู่ และส่งผลต่อบรรยากาศในการทำงาน
ความรู้สึกปลอดภัย เป็นความรู้สึกที่อยู่ข้างในแต่ละบุคคล และเป็นความรู้สึกที่ผันแปรไปตามสิ่งเร้าของแต่ละคน โดยเฉพาะการตีความต่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่สมองเคยรับรู้ว่าไม่ปลอดภัย เช่น
ถูกทำให้อับอาย
รู้สึกโดนดูถูก ถูกมองข้าม ไม่เป็นที่ยอมรับ
รู้สึกถูกล้ำเส้น
รู้สึกหวาดหวั่นกับความไม่แน่นอนในอนาคต
รู้สึกว่าถูกเลือกปฎิบัติ
สัญชาตญาณการเอาตัวรอดที่ฝังแน่นในสมองเป็นแรงผลักดันที่มีอิทธิพลต่อการตีความเหตุการณ์ที่เผชิญ ว่า “รู้สึกปลอดภัย หรือ รู้สึกว่าถูกคุกคาม”
สมองที่ถูกครอบงำด้วยความกลัวจึงมีรูปแบบพฤติกรรมในระดับแค่เอาตัวรอด ทำให้ศักยภาพถูกกดทับ เกิดการทำงานในโหมดเพลย์เซฟ ความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลถูกปัดทิ้งไปเวลาเกิดความขัดแย้ง กลายเป็นกำแพงกั้นขวางความร่วมมือ
มักเกิดการประเมินเหตุการณ์ปัจจุบันด้วยความรู้สึกในอดีต ทำให้คนรู้สึกรุนแรงเกินจริงหรือเกิดภาวะด้านชาทางความรู้สึก กลายเป็นความเครียดสะสมโดยไม่ทันรู้ตัว
------
แล้วถ้าจะสร้างพื้นที่ปลอดภัยในการทำงาน จะเริ่มต้นจากตรงไหน?
ลองเริ่มจากการสร้างพื้นที่แห่งความตระหนักรู้ในตนเอง ด้วยแนวทางดังนี้
อันดับแรกคือ ลองสำรวจดูว่า ’เรากำลังรู้สึกปลอดภัยอยู่หรือเปล่า‘ เพราะถ้าภายในตัวเรากำลังรู้สึกตึงเครียด เราก็ไม่อาจสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้เกิดขึ้นในทีมได้
รู้ทันความคิด การตัดสินจากมุมมองของเรา ที่มักตัดสินว่า อะไรถูก-ผิด หรือเผลอด้อยค่าในสิ่งที่ตัวเราไม่ได้ให้ความสำคัญ เพื่อสร้างความเคารพต่อกัน และยอมรับในความแตกต่าง
สังเกตปัจจัยที่กระตุ้นให้คนรู้สึกถูกคุกคาม หรือ รู้สึกได้รับรางวัล ทั้งส่วนที่กระตุ้นตัวเราและกระตุ้นคนที่เราทำงานด้วย เพราะทุกปฏิสัมพันธ์ส่งผลต่อคนในทีม
ฝึกทักษะการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เริ่มต้นด้วยความสัมพันธ์ที่ดี เจตนาที่ดีต่อกัน รับฟังด้วยใจที่เป็นกลาง
ฝึกรับมือกับความกลัวด้วยพลังงานบวก สร้างประสบการณ์ให้สมองและร่างกายคุ้นชินกับการเข้าถึงพลังงานความรัก หัวใจที่เมตตากรุณาจะช่วยโอบอุ้มให้ตอบสนองต่ออุปสรรคด้วย mindset และใจที่เปิดกว้าง สนุกกับความท้าทาย กล้ายอมรับกับด้านที่อ่อนไหวของตนเอง
เมื่อพลังงานภายในของเรารู้สึกมั่นคง ทีมก็รับรู้ได้ถึงพลังงานบวกที่แผ่ออกมาจากคนเป็นผู้นำ
อีกทั้งผู้นำที่กำลังอยู่ในกระบวนการทบทวนเงามืดของตนเอง ก็จะเกิดพลังของความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เพราะรู้ดีว่า “กว่าจะปรับเปลี่ยนตัวเองได้แต่ละก้าว ต้องผ่านการฝึกฝนการยอมรับข้อเสียและให้ความอ่อนโยนกับตัวเอง และต้องเผชิญกับความยากลำบากในการปล่อยวางอัตตาของตัวเอง”
Comments